บทที่ 4 อยู่ๆ ก็เป็นแม่ซะงั้น (25%)
‘แม่จ๋า…แม่…แม่บี๋จ๋า…’
เสียงออดอ้อนแกมเรียกร้องความสนใจ ทำให้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาปั่นต้นฉบับหัวฟูอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊กสะดุดกึก มือที่รัวแป้นคีย์บอร์ดเพราะสมองกำลังแล่นฉิวพลันชะงักไปชั่วขณะ
‘เฮ้อ…’
บูรณิมา กิตศิลปาจารย์ สาวน้อยหน้าใส วัยยี่สิบสาม เจ้าของส่วนสูงน่ารักร้อยห้าสิบห้าเซ็นติเมตร เรือนร่างอวบอิ่ม แก้มป่อง ขาวโอโม่ หน้าอกและสะโพกสะบึมเกินตัว จนเจ้าตัวมองว่าน่าอาย เธอพ่นลมหายใจออกมาด้วยความระอาแกมเหนื่อยใจ เงยหน้าขึ้น ถอดแว่นกรองแสงวางไว้ข้างโน้ตบุ๊กบนโต๊ะญี่ปุ่น ขยับตัวหันไปนั่งเผชิญหน้ากับร่างอ้วนจ้ำม่ำของวิญญาณเด็กผู้หญิงวัยประมาณสี่ขวบ ไม่ก็ห้าขวบ หรือหกขวบ ก่อนจะเอ่ยอย่างเสียไม่ได้
‘จะต้องให้บอกอีกกี่ครั้งหือ ว่าพี่ไม่ใช่แม่ของหนู’
อย่าว่าแต่ลูกเลย แฟนสักคนในชีวิตเธอยังไม่เคยมี
‘ช่ายยยยยย…’
หนูน้อยทำปากยื่นเถียงกลับ
‘ก็บอกแล้วไง ว่าไม่ใช่’
‘ช่าย แม่บี๋ เป็นแม่หนู’
วิญญาณเด็กหญิงตาแป๋วแก้มป่องยังคงยืนยันคำเดิมอย่างดื้อดึงจนน่าดึงแก้มย้วยๆ นั่นให้หลุดติดมือ จากนั้นตัวแสบก็โผเข้ากอดเธอ แล้วลดแก้มกลมๆ ลงมาถูแขนเรียวอย่างออดอ้อน
‘แม่บี๋เป็นแม่หนูจริงๆ นะ’
เฮ้อ…ทำไมดื้อจังว้ายายตัวอวบ
‘พี่เป็นคน ส่วนหนูเป็นผี เราสองคนจะเป็นแม่ลูกกันได้ยังไง’
บูรณิมาจับเจ้าตัวกลมดุ๊กดิ๊กที่ตั้งท่าจะมุดอกเธอท่าเดียวออกห่าง มองหน้าจิ้มลิ้ม แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง
‘ผีกับคนอยู่ด้วยกันไม่ได้ เข้าใจไหมหือ…ยายผีน้อยจอมดื้อ’
‘งื้ออออ แม่อะ หนูไม่ใช่ผี หนูมาจากโลกอนาคต’
โลกอนาคต!?
เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวแสบยอมปริปากบอกที่มาที่ไปของตัวเอง
เชื่อก็บ้าแล้ว
แต่เอาเถอะ จะลองเล่นไปตามน้ำสักตั้งก็แล้วกัน เผื่อผีเด็กมันจะได้ไปให้พ้นๆ เสียที
‘ถ้ามาจากโลกอนาคต งั้นก็แสดงว่าในชีวิตจริง หนูยังไม่โตเท่านี้ใช่ไหม’
‘ช่ายยยยย…’
เอ้า…ดันเดาถูกเฉยเลย
‘ม้างงงงงงงง…’
เอ้า! มีเล่นลิ้นด้วยเว้ย
‘งั้นบอกหน่อยว่าหนูชื่ออะไร’
‘ม่ายบอก’
ผีเด็กสุดแสบที่เคลมว่าตัวเองมาจากโลกอนาคตส่ายหน้าหวือ
‘อายุเท่าไหร่’
‘อายุเป็นเพียงตัวเลข’
ฮึ่ยยยย…ตัวเล็กจิ๊ดเดียวแต่ทำมาเป็นสำบัดสำนวนชวนมันเขี้ยวมันน่าบี้แก้มกลมๆ นั่นให้แตกคามือนักเชียว
‘ตอบดีๆ สิ พี่ถามว่าเราอายุเท่าไหร่’
‘ม่ายบอก’
ไรวะ
‘ถามอะไรก็ไม่ตอบ แสดงว่าหนูไม่ได้มาจากโลกอนาคตจริงๆ แต่เป็นวิญญาณผีน้อยเร่ร่อน ผีไม่มีญาติ ผีที่ไม่มีใครรัก ไม่มีใครต้องการ จนต้องมาตามรังควานเรียกร้องความสนใจอยู่เนี่ย’
‘แม่อะ’
คราวนี้ผีเด็กพ้อปากจู๋หน้ายู่
‘ก็พี่ถามอะไรเราก็ไม่ตอบนี่นา’
‘บอกก็ได้ แต่ไม่บอกชื่อหรอกนะ เพราะเดี๋ยวแม่บี๋ก็รู้เองแหละ’
เธอกลอกตาไปมาอย่างระอากับความลีลาท่ามาก
‘เออ จะบอกอะไรก็บอกมาเถอะ’
‘ในอนาคตแม่บี๋จะมีน้องให้หนูห้าคน’
ห๊ะ! มีน้องห้าคน!
แม่เจ้า! นั่นคนหรือหมูวะ!
แต่เดี๋ยวนะ…เธอยังโสด โสดแบบสนิ๊ทสนิท ยังไม่เคยมีแฟน เวอร์จินเเบบกริบๆ และที่สำคัญเธอไม่คิดจะแต่งงานมีครอบครัว ไม่เคยคิดเรื่องมีสามีกับลูกเสียด้วยซ้ำ ชีวิตนี้ขอแค่มีสามีมโนเป็นพระเอกนิยายก็พอแล้ว
‘ขี้โม้แล้วอ้วนเอ๊ย’
‘เจงๆ แม่บี๋จะมีน้องให้หนูเล่นห้าคน’
แค่เอ็งคนเดียวพี่ก็ปวดหัวจะแย่แล้วลูกเอ๊ย เมื่อไหร่จะไปที่ชอบๆ สักที
สงสัยเธอจะหมกมุ่นอยู่กับโลกแห่งจินตนาการในนิยายมากเกินไป ถึงได้ละเมอเพ้อพกคุยกับผีเด็กเป็นตุเป็นตะ แถมอีกฝ่ายยังทึกทักว่าเธอเป็นแม่เสียดื้อๆ
‘เอางี้…หนูบอกพี่มาดีๆ ว่าอยากได้อะไร พี่จะได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้’
หลังจากลูบแก้มซาลาเปานุ่มๆ ของผีเด็กสุดรั้นเป็นเชิงเกลี้ยกล่อม เธอก็เอ่ยอย่างพยายามจะหาทางออก หากถูกวิญญาณผีเด็กตามรังควานไปเรื่อยๆ แบบนี้คงไม่ดีแน่
‘บอกแล้วไง ว่าหนูม่ายช่ายผี’
หนูน้อยทำหน้ามู่ทู่ ปัดมือเรียวที่กุมข้างแก้มป่องออก ทำปากยื่นสวนกลับ จากนั้นก็ยกแขนป้อมๆ ขึ้นกอดอก ทำเสียงฮึในลำคอพร้อมสะบัดหน้าหนี ทำท่างอนตุ้บป่องใส่เธอ
‘บอกมาเถอะ ว่าหนูอยากได้อะไร พี่จะทำบุญไปให้’
‘หนูอยากอยู่กับพ่อกับแม่’
‘งั้นบอกมาว่าพ่อกับแม่หนูอยู่ที่ไหน พี่จะพาไปหาพวกเขา’
‘ก็แม่บี๋งายแม่หนู ส่วนพ่อก็คนเน้…’
คนที่ทำหน้าง้ำใส่เธอมีท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีที่เอ่ยถึงพ่อ ก่อนจะชี้มือไปยังหน้าจอโน้ตบุ๊กของเธอ ซึ่งมีรูปผู้ชายคนหนึ่งโชว์หรา แล้วเอ่ยเจื้อยแจ้ว
‘คนนี้!’
หญิงสาวหลุดอุทานเสียงหลง ตาเหลือกถลน เพราะผู้ชายที่ว่าคือคนที่เธอเคยเจอเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นเธออายุยี่สิบ มีปากเสียงกับเขา และก็เกือบจบไม่สวย หากเมียเขาไม่เข้ามาเคลียร์เสียก่อน
‘มโนแล้วตัวแสบ’
‘ช่ายยยย คนเนี้ยพ่อหนู’
‘ไม่ใช่แล้ว’
จะใช่ได้ยังไง ก็คนที่ว่ามีลูกมีเมียอยู่แล้ว เจ้าผีเด็กตัวแสบนี่กำลังปั่นหัวเธอชัดๆ
‘ช่ายยย พ่อหนูหล่อที่ฉุด’
โอ๊ยยยย…อ้วนเอ๊ย ยังจะมายิ้มแป้นแล้นอีก
ทนคุยกับผีเด็กด้วยบทสนทนาชวนปวดหัวไม่ไหว บูรณิมาก็ก้มลงสบตากับยายตัวอวบสุดดื้อ แล้วเอ่ยเกลี้ยกล่อมแกมข่มขู่อย่างไม่มีทางเลือก
‘บอกพี่มาเถอะ ว่าหนูต้องการอะไร อยากให้พี่ทำอะไรให้ถึงจะยอมไปดีๆ อย่าให้พี่ต้องเอาพระมาทำพิธีไล่เลย’
‘แม่บี๋จายร้าย แต่หนูไม่กลัวหรอก คิกๆ’
เด็กน้อยแสร้งตีหน้าเศร้าตัดพ้อต่อว่า นัยน์ตากลมแป๋วมีน้ำตาคลอหน่อยๆ ทว่าเสี้ยววินาทีถัดมาก็ลอยหน้าลอยตาท้าทาย ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะใสๆ ทำเอาเธอนึกคันไม้คันมือมันเขี้ยวจนอยากจะหยิกแก้มย้วยๆ ของผีเด็กการละครนั่นสักที แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรตัวป่วนก็อันตรธานไปเสียแล้ว


















































































































































































































































































